งานแต่งงานในฝันของหลายๆคู่คงจะไม่เฟอร์เฟ็ค และขาดสีสันสำคัญ ถ้าไม่ผ่านไฮไลท์สำคัญของงาน ช่วงที่สาวโสดทุกคนที่มาร่วมงานต่างเฝ้ารอและตั้งตาคอย นั่นก็คือ ประเพณีการโยนช่อดอกไม้ แม้จะเป็นธรรมเนียมพิธีแต่งงานของฝรั่ง แต่เจ้าสาวชาวไทยอย่างเรา ๆ ก็นิยมชมชอบประเพณีโยนดอกไม้นี้เหมือนกัน ไปดูกันดีกว่าค่ะว่า ธรรมเนียมนี้มีที่มาอย่างไรบ้าง...
ประเพณีการโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว เป็นประเพณีที่อเมริกาและยุโรปนิยมปฏิบัติเรื่อยมาตั้งแต่ยุคโบราณ ในช่วงแรกนั้นเจ้าสาวไม่ได้คิดว่าจะต้องใส่ชุดแต่งงานอีก และชุดแต่งงานถือเป็นเครื่องรางนำโชคสำหรับหญิงคนอื่นเพื่อสร้างความเจริญเติบโตของครอบครัว เมื่อจบพิธีแต่งงานจะยกชุดให้คนอื่น และสาวโสดทั้งหลายต่างก็อยากได้ชุดแต่งงานมาครอบครองจึงไล่จับเจ้าสาวและฉีกชุดเป็นชิ้น ๆ รุ่งริ่ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไปชุดแต่งงานมีราคาสูงขึ้น เริ่มมีประเพณีเก็บชุดแต่งงานไว้เพื่อเป็นของที่ระลึก หรือเพื่อให้ลูกสาวได้ใช้ในวันแต่งงานข้างหน้า ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันแขกฉีกชุด เจ้าสาวทั้งหลายจึงเริ่มที่จะโยนสิ่งอื่น ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หนึ่งในนั้นก็คือสายรัดถุงน่อง ต่อมาพัฒนาเป็นช่อดอกไม้ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูง
ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าดอกไม้สำหรับเจ้าสาวมีความสำคัญไม่แพ้เจ้าสาว ฉะนั้นมาค้นหาความหมายของดอกไม้ชนิดต่าง ๆ กันดีกว่า เพื่อเลือกจัดช่อดอกไม้ให้งดงาม แถมได้ความหมายดี ๆ อีกด้วย
ความหมายของช่อดอกไม้เจ้าสาว
ช่อกุหลาบ หมายถึง ความรักอันโรแมนติก ความสวยงาม เสน่ห์ดึงดูดและรักแท้
ช่อดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วาลเลย์ หมายถึง ความสุขของเจ้าสาว และเส้นทางที่จะนำไปพบความสุขเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์
ช่อดอกคาลล่าลิลลี่ หมายถึง ความหรูหราสง่างามของเจ้าสาว ซึ่งจะโดดเด่นตราตรึงอยู่ในใจเจ้าบ่าวตลอดไป
ช่อดอกทิวลิป หมายถึง ตัวแทนของความรักที่เต็มเปี่ยมระหว่างคู่สมรส และแทนความสุขสดใหม่ของความรักตลอดไป
ช่อดอกเรนันคูลัส หมายถึง การตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้งของคู่บ่าวสาว
เมื่อเจ้าสาวผู้โยนช่อดอกไม้พบความสุขสมหวังในชีวิตคู่ก็ขอให้สาวผู้โชคดีที่ได้รับช่อดอกไม้สมหวังเช่นเดียวกันขอขอบคุณภาพประกอบจาก
greenweddingshoes.com